-Local-newsข่าวแดนอิสาน

แม่ทัพน้อยที่ 2 ลุยอีสาน ตรวจเยี่ยม นบ.ยส.24 นครพนม เร่งขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดเร่งด่วนให้ลดลงใน 10 เดือน

นครพนม ( 27 กุมภาพันธ์ 2567) พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพน้อยที่ 2 เป็นผู้แทน พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 / ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งตันและเคมีภัณฑ์ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครพนม เร่งขับเคลื่อนงานตามนโยบายแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาล ซึ่งมาตรการที่ต้องเริ่มอย่างเร่งด่วนคือการสกัดกั้นยาเสพคิดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่จะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการสกัดกั้น เพราะจากสถิติการลักลอบนำเข้ายาเสพติดเข้าไทยเกือบทั้งหมดมาจากเส้นทางนี้ หลังจากที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายแก้ปัญหายาเสพติดเร่งด่วนให้ลดลงภายใน 10 เดือน โดยมุ่งเป้าไปที่การสกัดกั้นตามแนวชายแดน จึงได้มีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) โดยมีแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้บัญชาการฯ ซึ่งจังหวัดนครพนม ได้ประกาศพื้นที่พิเศษ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 5(10) กำหนดให้ 4 อำเภอชายแดน ได้แก่ อำเภอท่าอุเทน-เมืองนครพนม-ธาตุพนม และบ้านแพง เป็นพื้นที่พิเศษเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) เพื่อให้เกิดการดำเนินการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป็นการบูรณาการกำลังทั้งทหาร ตำรวจภูธรจังหวัด สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 (ปปส.ภาค 4) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดนครพนม เสริมความเข้มแข็งตามแนวชายแดนมากยิ่งขึ้น ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวนมาก

ในการนี้ แม่ทัพน้อยที่ 2 ได้เดินทางเข้าพบนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เพื่อหารือข้อราชการบูรณาการแนวทางการปฏิบัติให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามภารกิจการสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้าประเทศในพื้นที่จังหวัดนครพนม ให้เร่งขับเคลื่อนงานตามนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาล โดยสถานการณ์ยาเสพติดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขณะนี้พบว่ามีการผลิตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากปัญหาภายในประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับเคมีภัณฑ์ที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดมีราคาถูกและหาง่าย ทำให้มีปริมาณยาเสพติดเข้ามาพักคอยตามแนวชายแดนไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเพิ่มขึ้น จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการสกัดกั้นในพื้นที่ ย้ำเจ้าหน้าที่ต้องร่วมกับชุมชนช่วยกันสร้างชุมชนที่เข้มแข็งเป็นเกราะป้องกันยาเสพติด

ที่สำคัญคือ การแก้ไขปัญหาผู้มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลโดยยึดหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย”, การปิดล้อมตรวจค้น ยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อยอย่างต่อเนื่อง,การตรวจสถานบริการที่เปิดฝ่าฝืนกฎหมาย และปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด โดยใช้กลไกในการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อจับกุมผู้มีหมายจับที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ การสกัดกั้นดังกล่าวต้องดำเนินมาตรการต่างประเทศในการประสานงานข้อมูลการข่าว นอกจากนี้ยังต้องดำเนินการร่วมกับชุมชน ในการเฝ้าระวัง ซึ่งจะเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่และชุมชน ที่สำคัญคือต้องมีความต่อเนื่อง การสร้างพลังการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน และเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ต้องช่วยกันออกไปสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน.

เดวิท โชคชัย รายงาน