-Healthy

อย่าประมาท “ไข้หวัดใหญ่” แค่ 50 วันแรกของปีนี้พบป่วยกว่า 4.6 หมื่นคน ตาย 4 ศพ พบป่วยมากใน“โรงเรียน-เรือนจำ-ค่ายทหาร-รพ.

           นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งต่วันที่1ม.ค.-21 ก.พ.2562 พบว่ามีผู้ป่วยรวม 46,648 ราย เสียชีวิต 4 ราย  เมื่อเปรียบเทียบจำนวนผู้ป่วยกับปีที่ผ่านมา พบว่าสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในปีนี้เพิ่มขึ้น จำนวนผู้ป่วยรวมในปีนี้สูงกว่าปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกันและสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลังถึง 2 เท่า  จากโปรแกรมตรวจสอบข่าวการระบาด พบว่าตั้งแต่ต้นปี 2562 เป็นต้นมา  พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เป็นกลุ่มก้อนมากกว่าปีที่แล้วและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยมีจำนวน 31 เหตุการณ์ สถานที่เกิดพบมากใน โรงเรียน รองลงมาเป็น เรือนจำ ค่ายทหาร และโรงพยาบาล 

                “การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสจะพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคเหนือ อาจทำให้ประชาชนเจ็บป่วยได้ง่าย โรคไข้หวัดใหญ่ ติดต่อทางการไอหรือจาม หรืออาจติดต่อทางสารคัดหลั่งที่ติดจากมือแล้วใช้มือสัมผัสกับเยื่อบุตาหรือจมูก ซึ่งประชาชนสามารถป้องกันได้โดย การใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่มีอาการไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการพบปะผู้อื่นขณะมีอาการไข้หวัด หลีกเลี่ยงการหยิบจับสิ่งของที่ใช้ร่วมกับผู้อื่นและล้างมือเป็นประจำ 

            ส่วนสถานที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น เช่น โรงเรียน เรือนจำ ค่ายทหาร ควรมีการคัดกรองผู้ป่วย หากพบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ไข้ ไอ น้ำมูก ปวดกล้ามเนื้อ ควรแยกผู้ป่วยทันที  และรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว หมั่นทำความสะอาดสิ่งของที่มีการใช้ร่วมกันทุกวัน เช่น ลูกบิดประตู ปุ่มเปิดปิดไฟ และเตรียมหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือให้เพียงพอ” นพ.สุวรรณชัย กล่าว

             ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่าในประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยโรคอ้วน หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยเรื้อรัง อาทิ โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคตับ โรคที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี และผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นต้น ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เพื่อลดความรุนแรงของโรคและลดโอกาสการนอนโรงพยาบาล สอบถามเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422