-ข่าวพระราชสำนัก

องคมนตรี ติดตามความก้าวหน้าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในแม่ฮ่องสอน

วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2562 เวลา 10.45 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปยังฐานปฏิบัติการช่องทางนาป่าแปก บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเชิญสิ่งของพระราชทาน ไปมอบแก่ทหาร และตำรวจตระเวนชายแดนจากฐานปฏิบัติการ ตชด. ปางโยน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน

 

จากนั้น เวลา 14.45 น. องคมนตรีและคณะฯ เดินทางไปยังโครงการฝายปางหมูอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านปางหมู ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อรับฟังการบรรยายสรุป สถานการณ์น้ำในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน และสรุปผลการดำเนินงานโครงการฝายปางหมู ฯ ซึ่งได้ดำเนินงานตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงห่วงใยราษฎรที่ขาดแคลนข้าวเนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกมีน้อย จึงควรดำเนินการพัฒนางานด้านการเกษตรให้ดียิ่งขึ้น สร้างระบบชลประทาน ส่งเสริมปรับปรุงพันธุ์พืชให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ได้ผลผลิตสูง

 

โดยกรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างฝายปางหมูปิดกั้นลำน้ำแม่สะงา ในท้องที่ตำบลปางหมู เพื่อทดกั้นน้ำส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกของราษฎรบริเวณบ้านปางหมู ประมาณ 1,200 ไร่ และช่วยเหลือให้ราษฎรมีน้ำใช้ในการอุปโภค บริโภคตลอดทั้งปี

จากนั้นคณะฯ เดินทางไปยังแปลงนาสาธิตของนายจำรัส วิจิตร ราษฎรบ้านทุ่งกองมู ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นราษฎรที่ได้รับน้ำจากโครงการฝายปางหมูฯ ใช้ในการทำการเกษตรปลูกข้าวในพื้นที่ จำนวน 10 ไร่ ซึ่งหลังจากปลูกข้าว ก็จะปลูกถั่วเหลือง แตงโม และข้าวโพดหวาน ทำให้มีรายได้จากการทำเกษตร 70,000 บาทต่อปี โอกาสนี้องคมนตรีได้มอบเชื้อราไตรโคเดอร์มให้แก่กลุ่มเกษตรกรนาแปลงใหญ่

ต่อมาเวลา 16.30 น. เดินทางไปยังโครงการศูนย์บริการและพัฒนาลุ่มน้ำปายตามพระราชดำริ (ท่าโป่งแดง) ตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามการดำเนินงานและเยี่ยมกลุ่มเกษตรกรขยายผลและชมกิจกรรมต่างๆ โครงการศูนย์บริการและพัฒนาลุ่มน้ำปายตามพระราชดำริ เป็นศูนย์บริการและพัฒนา 1 ใน 4 แห่ง ประกอบด้วย ศูนย์พัฒนาลุ่มน้ำปาย ศูนย์พัฒนาที่สูงปางตอง ศูนย์พัฒนาในสอย และศูนย์พัฒนาห้วยมะเขือส้ม ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2522 เพื่อช่วยเหลือราษฎรชาวไทยพื้นราบ ไทยใหญ่ และกะเหรี่ยงได้มีอาชีพมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในบริเวณพื้นที่ชายแดน โดยดำเนินการในลักษณะพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นกรอบแนวทางดำเนินงานควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎร การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ และการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอีกด้วย