-รอบกรุง

รวบคาด่านอรัญฯ “ผิงผิง” สาวสองนักวางยาหนุ่ม ก่อนฉกทรัพย์ ขณะเตรียมเผ่นข้ามแดน อ้างเป็นมือขวาบอสคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปต

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2566 พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุด PCT 5 , พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น , ร.ต.อ.กฤษณะ ชนิดไทย , ร.ต.อ.อำนาจ แป้นดวงเนตร , ร.ต.อ.สุรศักดิ์ บุญนุ่ม , ร.ต.อ.วทัญญู เริ่มประชาธิปไตย , ร.ต.ท.คณาธิป ภูสมตา , ส.ต.อ.ณัฐกิต เชื้อสุข , ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย , ส.ต.ต.เมธิชัย คำดี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 112 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายอภิชาติ ศรีโคตร หรือ “ผิงผิง” อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 ม.11 ต.หนองน้ำใส อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ตามหมายจับ 2 หมายจับ ได้แก่ 1.หมายจับศาลอาญาที่ จ.2174/2566 ลงวันที่ 10 ก.ค. 2566 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน” (พื้นที่ สน.สุทธิสาร) และ 2.หมายจับศาลอาญาที่ จ.2963/2566 ลงวันที่ 11 ก.ย.2566 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” (พื้นที่ สน.พญาไท) พร้อมตรวจยึดของกลาง 4 รายการ ประกอบด้วย

1.บัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 6 ใบ (เป็นของบุคคลอื่น) รับว่าเป็นของบัญชีม้า 2.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง (ของตนเอง 2 เครื่อง , ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 เครื่อง) 3.เงินสด จำนวน 25,000 บาท และ4.ยา Clonazepam จำนวน 3 แผง (ยาที่ใช้มอมเหยื่อ)

สำหรับพฤติการณ์ของผู้ต้องหา นายอภิชาติ ศรีโคตร หรือ “ผิงผิง” สาวประเภทสอง วัย 22 ปี เริ่มต้นจาก “แอปหาคู่” โดยใช้ข้อความของสายเปย์ ทำนอง “สาวสอง ใครร้อนเงินทักมา” และเมื่อมีเหยื่อติดต่อมา ก็จะนัดแนะไปเจอ จากนั้นทผู้ต้องหาจะนำยา Clonazepam จำนวน 3-10 เม็ด มาบดให้ละเอียด ก่อนจะเทลงในแก้วน้ำที่เตรียมไว้และเพิ่มความแนบเนียนด้วยการใส่น้ำแข็งเปล่าให้เต็มแก้ว ปิดบังคราบผงยาที่นองอยู่ก้นแก้ว โดยทันทีที่เหล่าชายหนุ่มที่ตกเป็นเหยื่อได้ดื่มเบียร์ที่เตรียมไว้ เมื่อออกฤทธิ์จะมีอาการง่วงซึม มึนศีรษะ สับสน จดจำสิ่งต่างๆ ไม่ได้ เกือบทุกรายล้มพับไปในไม่กี่อึดใจ บางรายพยายามฝืนต้านฤทธิ์ยา เธอยิ่งชอบเพราะเธอจะลงมือทำร้ายร่างกายเช่น กระโดดถีบ ต่อยหน้า ตบหน้า ต่างๆนาๆโดยที่เหยื่อไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ จนกว่าเหยื่อจะสลบไสลไป โดยภาพการล้มพับของเหล่าชายหนุ่มสร้าง ความสุข , ความสนุก , ความสะใจ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเอง “มีพลังวิเศษ” ให้เธอจนเธอเสพติดเข้าเส้นเลือดไปแล้ว เมื่อเหยื่อหมดสติ ผู้ต้องหารายนี้จะลงมือกวาดทรัพย์สินของเหยื่อไปจนเกลี้ยง รายใดขับรถมาก็จะถูกขโมยไปด้วย

เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้ลงมือก่อเหตุกับชายหนุ่มรายหนึ่ง ที่โรงแรมชื่อดังในซอยศรีอยุธยา 12 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี จ.กรุงเทพฯ โดยได้ขโมยทรัพย์สินเงินสด โทรศัพท์ และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบท์ ของเหยื่อไป มูลค่าความเสียหายประมาณ 200,000 บาท ก่อนหลบหนีไป ซึ่ง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เร่งสั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สืบสวนแกะรอยจนสืบทราบว่าสาวประเภทสองรายนี้คือ นายอภิชาติ ศรีโคตร และกำลังหลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน ทาง อ.อรัญประเทศ พล.ต.ต.ธีรเดช จึงส่งกำลังเข้าจับกุมตัว

ในชั้นจับกุม นายอภิชาติ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ในปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยทำมาเป็นเวลากว่า 3 ปี หลอกคนไทยได้ยอดรวมประมาณล้านกว่าบาท ได้ค่าคอมมิชชั่นมา 400,000 บาท แต่ได้ใช้หมดไปกับการพนัน ในปัจจุบันตนไเป็นมือขวาของบอสชาวไต้หวันชื่อว่า เสี่ยว เฟ่ย เชียน ซึ่งเป็นเจ้าของคอลเซ็นเตอร์ 3 ตึกในปอยเปต ล่าสุดได้ทำหน้าที่เป็น HR และคอยจัดหาบัญชีม้าให้กับบอสชาวจีน โดยจะเข้าๆ ออกๆ กัมพูชาและ ไทยเป็นประจำ เพราะเสพติดภาพการล้มพับของเหยื่อ ทำให้ตนเองมี ความสุข ความสนุก ความสะใจ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีพลังวิเศษ ซึ่งตอนนี้ได้เสพติดความสุขนี้ไปแล้ว ซึ่งจะหาเวลาว่างจากการทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เดือนละ 2-3 ครั้ง เพื่อเข้ากรุงเทพฯ มาก่อเหตุลักษณะนี้ ความสุขก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนก็หวังจะได้ทรัพย์สินจากเหยื่อด้วย

ส่วนยาที่นำมาใช้นั้น นายอภิชาติ ให้การว่า ได้มาจากการไปหาหมอ ถ้าหมอคนไหนไม่ยอมให้ก็จะแสดงละครบอกหมอว่าถ้าไม่ให้จะไปฆ่าตัวตาย หมอจะยอมให้ โดยให้คราวละ 20-30 แผง ส่วนรถที่ขโมยมาจะนำไปขายให้กับขบวนการส่งรถออกนอกประเทศ โดยจะเก็บรถที่ขโมยมาไว้กับตัวเองไม่เกิน 2 ชั่วโมง ส่วนบัตรประชาชนที่ถูกตรวจค้นพบหลายๆ ใบนั้น ได้มาจากเหยื่อบ้าง และได้จากพวกเปิดบัญชีบ้าง จึงนำมาใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ แทนชื่อของตนเองเพื่อปกปิดตัวตน จากนั้นตำรวจได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของภัยสังคมรายนี้ โดยจากการขยายผลการจับกุมในขณะนี้ พบพยานหลักฐาน รถจักรยานยนต์ ซึ่งต้องสงสัยว่าได้จากการก่อเหตุกว่า 13 คัน และพบข้อมูลเหยื่อและผู้ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่ออีกไม่ต่ำกว่า 10 ราย จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ให้แจ้งมาที่เฟสบุ๊คเพจ สืบสวนนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง เราจะปกปิดข้อมูลของคุณเป็นความลับ และขอฝากเตือนไปยังเหล่าผู้ปกครองให้หมั่นเฝ้าระวังบุตรหลานที่ชื่นชอบการเล่นแอปพลิเคชั่นหาคู่ลักษณะนี้ ให้หลีกเลี่ยง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของท่าน ในส่วนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตอนนี้เราได้ข้อมูลสำคัญของขบวนการมามากพอสมควร จะมีการขยายผลต่อไปจนถึงที่สุด แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.