สภาพอากาศ

เตือนระวังพายุฤดูร้อน/ฟ้าผ่า/ลูกเห็บถล่ม

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายสภาพอากาศในสัปดาห์นี้ โดยมี “คําเตือน” ในช่วงวันที่ 6-8 มี.ค. บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อน เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจาก สภาวะฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกในบางพื้นที่ สําหรับในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค. บริเวณภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝน ตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว


คําแนะนําสําหรับการเกษตร
ภาคเหนือ – ในช่วงวันที่ 4-5 และ 9-10 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมาก ทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-8 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 % ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม.
– ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง สําหรับในช่วงวันที่ 6-8 มี.ค. จะมีลมกระโชกบางแรงพื้นที่ เกษตรกรควรผูกยึดค้ำยันกิ่งไม่ผลให้มั่นคงแข็งแรง


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ – ในช่วงวันที่ 4-5 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่าง ของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-8 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-70 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-20 กม./ชม. และในช่วงวันที่ 9-10 มี.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75 % ความยาวนานแสงแดด 7-10 ชม.
– ในช่วงวันที่ 6-8 มี.ค. จะมีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งขณะเกิดฝนฟ้า คะนอง เพราะอาจได้รับอันตรายจากฟ้าผ่า นอกจากนี้ควรซ่อมแซมหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้มีรอยรั่วซึมและทำแผงกําบังฝนสาด เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย


ภาคกลาง – ในช่วงวันที่ 4-5 และ 9-10 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-8 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตก บางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-20 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม.
– ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ําในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ําฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทําให้สภาพน้ําเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย และหลังจากฝนตกควรเปิดเครื่อง ตีน้ำ เพื่อป้องกันน้ำแยกชั้นและเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำสําหรับเกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานหากต้องการปลูกพืช รอบใหม่ควรเลือกปลูกพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ําน้อย เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของ ฝนจะมีน้อย


ภาคตะวันออก – ในช่วงวันที่ 4-5 และ 9-10 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณชายฝั่งอุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 6-8 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิ สูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์70- 80 % ความยาวนานแสงแดด 4-7 ชม.
– ในช่วงวันที่ 6-8 มี.ค. จะมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ เกษตรกรควรผูกยึดค้ำยันกิ่งไม้ผลให้มั่นคงแข็งแรง นอกจากนี้ควร ระวังและป้องกันการระบาดของเพลี้ยไฟในทุเรียนและมังคุด ซึ่งจะดูดกินน้ําเลี้ยงจากส่วนต่างๆ ของพืช ทําให้ต้นพืช ชะงักการเจริญเติบโต


ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 9-10 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศา เซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 5-8 ชม.

ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 9-10 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 %
– ในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรซ่อมแซมหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่า ให้มีรอยรั่วซึมและทําแผงกําบังฝนสาด เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควร ทําทางระบายน้ําออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อไม่ให้น้ําท่วมขัง