5 จว.ลุ่มน้ํามูล น่าห่วงน้ําน้อย สทนช.ชงแผนด่วน เล็งดึงน้ําจากเหมืองหินเก่าผลิตน้ําประปา
บุรีรัมย์ (15 ก.ค.62) นายสําเริง แสงภูวงค์ รองเลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ประชุมหารือร่วมกับนายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ํา กรมส่งเสริมการเกษตร กรมฝนหลวงและ การบินเกษตร พร้อมด้วยสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ ภาค 3 และเลขานุการลุ่มน้ํามูล ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ณ ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อหารือกับทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ประเมินสถานการณ์ฝน สถานการณ์น้ําในแหล่งน้ําต่างๆ เพื่อกําหนดแนวทางมาตรการ แผนปฏิบัติการอย่างชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ําอุปโภค-บริโภค ที่ต้องเตรียมแผนรองรับในการหาแหล่งน้ํา สํารองให้กับประชาชน พร้อมบูรณาการหน่วยงานเกี่ยวข้องไม่ให้ผลกระทบแล้งในช่วงฤดูฝนขยายวงกว้าง เพื่อสรุปรายงาน ต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (กนช.)
รองเลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ําภาค ตะวันออกเฉียงเหนือขณะนี้ มีปริมาณน้ําภาพรวมคิดเป็นทั้งสิ้น 4,344 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 33% โดยแหล่งน้ําขนาด ใหญ่เฝ้าระวังน้ําน้อยกว่า 3096 จํานวน 7 แห่ง ได้แก่ เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ 2896 เขื่อนลําปาว จ.กาฬสินธุ์ 279% เขื่อน อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น 24% เขื่อนลํานางรอง จ.บุรีรัมย์ 23% เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี 2396 เขื่อนน้ําพุง จ.สกลนคร 2196 เขื่อนลําพระเพลิง จ.นครราชสีมา 1596 ขณะที่แหล่งน้ําขนาดกลางปริมาณน้ําน้อยกว่า 3096 จํานวน 97 แห่ง ขณะที่ปริมาณ ฝนสะสม 15 วัน น้อยกว่า 30 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่ามีปริมาณฝนตกน้อยมีความเสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ําและสถานการณ์แล้งใน 105 อําเภอ 12 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองบัวลําพู กาฬสินธุ์ ยโสธร ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และนครราชสีมา
โดยแผนเร่งด่วนที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานเจ้าภาพเร่งรัดดําเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมทั้งการปฏิบัติการฝนหลวง การเชื่อมต่อและหาแหล่งน้ําที่มีในบริเวณใกล้เคียง การใช้น้ําบาดาล หาแหล่งน้ําสํารอง ที่มีความเสี่ยงขาดอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะจ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ ที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ําประปา การเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือ รถบรรทุกน้ํา รวมถึงได้แจ้งให้กระทรวงเกษตรฯ ดําเนินการบริหารจัดการสํารวจความเสียหายด้านเกษตร และการวางแผนการปลูกพืช ฤดูแล้งนี้เป็นการล่วงหน้าด้วย
ขณะเดียวกัน สทนช.ยังได้เร่งรัดแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ําปี 2562 ในพื้นที่ลุ่มน้ํามูล ซึ่งมีทั้งสิ้น 1,045 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ 45,665 ไร่ อาทิ โครงการประตูระบายน้ําหาดแสงจันทร์ จ.นครราชสีมา โครงการฝายบ้านก้านเหลือง จ.บุรีรัมย์ โครงการปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาศรีสะเกษ เป็นต้น รวมถึง แผนการขุดลอกอ่างและแหล่งน้ําธรรมชาติ เพื่อรองรับปริมาณน้ําในฤดูฝน ตามที่ สทนช. ได้เสนอ ครม.อนุมัติงบกลาง 1,200 กว่าล้านบาท 144 โครงการนั้น เป็นโครงการในลุ่มน้ํามูลพื้นที่ จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ รวม 23 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ 17,810 ไร่ ปริมาณน้ํา 6 ล้าน ลบ.ม. โดยมีโครงการสําคัญ อาทิ ขุดลอกอ่างเก็บน้ําห้วยชันโพรง อันเนื่องมาจากพระราชดําริ พร้อมอาคารประกอบ จ.นครราชสีมา การเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ําห้วยจระเข้มาก จ.บุรีรัมย์ และขุดลอกหนองสะหนุน จ.ศรีสะเกษ รวมถึงแผนการสร้างอ่างฯ ประตูระบายน้ํา ขุดลอกแหล่งเก็บน้ํา ในปี 63-65 ในพื้นที่ 5 จังหวัด รวม 2,105 โครงการ พื้นที่รับประโยชน์ 56,804 ไร่ ปริมาณน้ํา 66 ล้าน ลบ.ม. อาทิ โครงการประตูระบายน้ํา บ้านท่าม่วง จังหวัดบุรีรัมย์ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ํากุตตลาดยาว (พื้นที่แก้มลิง) จังหวัดบุรีรัมย์ ขุดลอกหนองน้ํา ไดตาเจก จังหวัดสุรินทร์ เป็นต้น
สําหรับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ําอุปโภค-บริโภคที่เกิดขึ้นในจังหวัดบุรีรัมย์ เร่งด่วนในระยะสั้นมี 4 มาตรการ ได้แก่ 1.การประปาส่วนภูมิภาคได้จัดทําแผนการบริหารจัดการน้ําเพื่อใช้ผลิต ซึ่งปัจจุบันได้ใช้มาตรการลดแรงดันน้ําในช่วง กลางคืนเพื่อยึดเวลาการใช้น้ําให้ได้ประมาณ 2 เดือน 2. ชลประทานบุรีรัมย์จะเปิดทางน้ําภายในอ่างเก็บน้ําห้วยตลาด เพื่อนําน้ําที่มีปริมาณประมาณ 4 แสน ลบ.ม. ให้ไหลเข้าบริเวณโรงสูบของการประปาโดยตรง 3. การนําน้ําจากเหมืองหินเก่า ซึ่งเป็นที่ของเอกชนมาใช้เพิ่มเติมในระบบของประปา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทานจะบูรณาการร่วมกันและจัดหาเครื่องสูบน้ําเข้ามาดําเนินการเพื่อเป็นแผนสํารองให้มีน้ําประปาได้ถึง 50 วัน 4. มอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ําบาดาลจัดทําแผนเร่งด่วนในการเจาะบ่อน้ําบาดาล บริเวณรอบอ่างทั้งสองแห่งด้วย
“พื้นที่ภาคอีสานตอนล่างปริมาณฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติ พายุมูนที่ผ่านมาส่วนใหญ่ฝนไปตกบริเวณชายขอบภาคเท่านั้น ซึ่งในระยะ 1-2 วันนี้กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าแนวโน้มฝนดีขึ้นแต่ไม่มากนัก ดังนั้น ทุกหน่วยงาน ต้องติดตามการคาดการณ์สภาพฝนจากกรมอุตุฯอย่างใกล้ชิดด้วย เพื่อเร่งเก็บกักน้ําในแหล่งน้ําต่างๆ และประเมินผลกระทบต่อเนื่องด้วย โดยเฉพาะความเสี่ยงขาดแคลนน้ําอุปโภคบริโภค และการเกษตร รวมถึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทํา แผนงานโครงการระยะกลาง และระยะยาว เสนอมายัง สทนช. เพื่อเสนอ กนช.ให้ความเห็นชอบอนุมัติแผนงาน โครงการ งบปประมาณต่อไป”นายสําเริง กล่าว