-ชุมชน-สังคมพม.

พม.เปิดโรงเรียนครอบครัว อ.วังทอง ดึงภาคีเครือข่าย พัฒนาศักยภาพเด็กและแก้ปัญหาความยากจน

พิษณุโลก (20 มกราคม 2565) เมื่อเวลา 15.00 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วย นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. นางจตุพร โรจนพานิช อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน , นายพิสิฐ พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เดินทางไปที่ โรงเรียนวังทองพิทยาคม ต.ชัยนาม อ.วังทอง เพื่อเปิดการอบรมอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (สร้างอาชีพ สร้างรายได้) อีกทั้งเปิดโรงเรียนครอบครัว อ.วังทอง (ศูนย์การเรียนรู้โรงเรียนวังทองพิทยาคม) และพบปะให้กําลังใจครอบครัวที่เข้าอบรมโครงการการเลี้ยงดูเด็กโดยไม่ใช้ความรุนแรง รุ่นที่ 1 นอกจากนี้ ได้มอบงบประมาณโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ เงินสงเคราะห์เด็กในครอบครัวยากจน และ นมผงสำหรับเด็ก จากนั้น ได้เยี่ยมชมห้องสมุดมีชีวิตต้นแบบ (Living Libraly)

นายจุติ กล่าวว่า การเลี้ยงลูกยุคปัจจุบันนั้น ไม่ง่ายอย่างที่คิด วันนี้ ตนได้เจอย่าเลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องเลี้ยงดูหลาน 7 คน และพบกับปัญหามากมาย อีกเคสหนึ่งคือ แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเลี้ยงลูก 3 คน เพราะแยกกับคู่สมรส ในขณะที่ลูกอายุเพียง 9 เดือน ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดได้ทั่วไป ซึ่งกลุ่มลักษณะนี้หลุดจากระบบการศึกษามีมากถึง 280,000 ครอบครัว เราต้องเข้าไปช่วยเหลือให้ได้ ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายว่า เด็กที่เรียนหนังสืออยู่ อย่าให้หลุดจากระบบการศึกษา ต้องช่วยเหลือทุกวิถีทางให้ยั่งยืน แต่ครอบครัวต้องรอดด้วย เราต้องช่วยกันพัฒนาให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ ทั้งเยียวยา สร้างอาชีพ สร้างโอกาส สร้างความเข้มแข็ง ซึ่งนับเป็นงานที่ท้าทายและยาก แต่เราได้ทำร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุดมศึกษา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงวัฒนธรรม เป็นต้น นับเป็นปัญหาที่ยาก หลังจากสถานการณ์โควิด – 19 แต่เป็นงานที่เราต้องทำ เพื่อซ่อมสร้างสังคมให้เข้มแข็งและให้ประเทศไทยเดินหน้าได้อย่างมีคุณภาพ

นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดพิษณุโลกถูกจัดอยู่ในลำดับต้นๆ ของความยากจน เราต้องมาช่วยกันแก้ปัญหาตรงนี้ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับจังหวัดใกล้เคียงต่อไป เพราะปัญหาแต่ละแห่งมีความซับซ้อน ยุ่งยาก เปราะบาง ไม่เหมือนกัน ในขณะที่รัฐบาลมีงบประมาณจำกัด แต่เราต้องใช้หัวใจ สติปัญญา และการบูรณาการ มาร่วมกันทำงานให้ได้ ทั้งนี้ แต่ละกระทรวงมีงบประมาณไม่มาก เมื่อนำมารวมกันแล้วก็มีงบประมาณพอที่จะทำอะไรได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เราได้จับมือกับผู้ปกครอง คณะครู อาสาสมัคร และภาคเอกชน ทำโรงเรียนครอบครัว ศูนย์ช่วยเหลือสังคม และห้องสมุดดิจิทัลที่จะสร้างโอกาสให้คนได้มีอาชีพ ให้เด็กเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพผ่านระบบออนไลน์ของห้องสมุดดิจิทัล เพื่อพัฒนาศักยภาพให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปในอนาคต