สภาพอากาศ

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร 7 วันข้างหน้า (วันที่ 14 – 20 มกราคม 2565)

เมื่อวันที่14 มกราคม พ.ศ.2565 กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ 14–17 ม.ค.65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทย ตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิ ต่ำสุด 7-15 องศาเซลเซียส และบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 ม.ค.65 จะมีคลื่น กระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง และมีลม กระโชกแรงบางแห่ง

ช่วงวันที่ 18–20 ม.ค.65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลง มาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนมากทางตอนล่างของภาคตลอดช่วง โดยอ่าวไทย ตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
คำเตือน ในช่วงวันที่ 15–18 ม.ค.65 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหาต่อพืชผลทางการเกษตร ไว้ด้วย


คำแนะนำสำหรับการเกษตร
#ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 15-17 ม.ค.65 อากาศเย็น โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ส่วนในช่วง วันที่ 18-20 ม.ค.65 อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-13 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-15 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85 % ความยาวนานแสงแดด 5-7 ชม.

– ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 15-17 ม.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับพืชผลทางการเกษตร โดยหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตไว้กลางแจ้ง เพราะอาจทำให้ผลผลิตเปียกชื้นเสียหาย นอกจากนี้ เกษตรกรควรเฝ้าระวัง โรคพืขที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักต่างๆ โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างในพืชตระกูลแตง เป็นต้น


#ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 14–18 ม.ค.65 อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาคในช่วงวันที่ 17-18 ม.ค.65 อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 19–20 ม.ค.65 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา เซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิ ต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนาน แสงแดด 5-8 ชม.

– ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 17-18 ม.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับสภาพอากาศที่มีแดดจัดในตอนกลางวัน เกษตรกรควรระวังศัตรูพืชจำพวกปากดูด โดยเฉพาะเพลี้ยไฟพริกในพริก


#ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 14–17 ม.ค.65 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-20 ม.ค. 65 อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 60-70% ความยาวนานแสงแดด 6-9 ชม.

– อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีแดดจัดในตอนกลางวัน เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำและควรให้น้ำ เพิ่มเติมแก่พืชอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต สำหรับเกษตรกรที่ปลูกมะม่วงซึ่งอยู่ในระยะ ออกดอกและติดผลอ่อนควรระวังศัตรูพืชจำพวกปากดูด โดยเฉพาะเพลี้ยจักจั่นมะม่วง ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำ เลี้ยงจากช่อดอก ทำให้ช่อดอกแห้ง ดอกร่วง และติดผลน้อย


#ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 14-17 ม.ค.65 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 18-20 ม.ค.65อากาศเย็นใน ตอนเช้ากับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์60-70 % ความ ยาวนานแสงแดด 6-9 ชม.

– อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และมีแดดจัดในตอนกลางวัน เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเหมาะสม และวางแผนการใช้น้ำที่กักเก็บไว้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกและโคนต้นพืช ด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดินและรักษาความชื้นในดิน สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ควรดูแลปริมาณสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่มีอยู่ หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้ สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย


#ภาคใต้ ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ตลอดช่วง ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศา เซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด5-8 ชม.

# ภาคใต้ ฝั่งตะวันตก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 14-16 ม.ค. 65 ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 17-20 ม.ค.65 ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ความชื้น สัมพัทธ์ 70-80 % ความยาวนานแสงแดด 5-8 ชม.

– ระยะนี้ทางตอนบนของภาค มีอากาศเย็นและแห้ง เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกและบริเวณโคนต้นพืช ด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อชะลอการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน และรักษาความชื้นในดิน รวมทั้งควรวางแผนการใช้น้ำที่กักเก็บไว้อย่างมีประสิทธิภาพและให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่าง เหมาะสม เพื่อป้องกันต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ส่วนทางตอนล่างของภาค ยังคงมีฝนฟ้าคะนองได้ในบางพื้นที่ เนื่องจากฝนที่ตกไม่สม่ำเสมอ เกษตรกรควรระวังศัตรูพืชจำพวกหนอนในไม้ผล และพืชผักต่างๆ ไว้ด้วย.