-ข่าวพระราชสำนัก

องคมนตรี เปิดงาน “ชมศูนย์ศึกษา พัฒนาความรู้ ดูนิทรรศการ”ปี 2563 ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ

นราธิวาส (7 กันยายน 2563) เมื่อเวลา 9.50 น. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการบริหารโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นประธานเปิดงาน “ชมศูนย์ศึกษา พัฒนาความรู้ ดูนิทรรศการ” ครั้งที่ 21 ประจำปี 2563 ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส โดยความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ร่วมกับ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และจังหวัดนราธิวาส จัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 9 กันยายน 2563 เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชปณิธานในการ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรให้มีความมั่นคงและยั่งยืน

โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวต้อนรับ และนายดนุชา สินธวานนท์ เลขาธิการ กปร. กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ จากนั้น องคมตรีได้กล่าวเปิดงาน พร้อมกับมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศการประกวด ได้แก่ การประกวดเกษตรกรต้นแบบด้านการทำเกษตรบริเวณบ้าน จำนวน 1 รางวัล การประกวดผลผลิตทางการเกษตร (ข้าวโพด กระเจี๊ยบเขียว และถั่วฝักยาว) จำนวน 3 รางวัล และรางวัลสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ส่งเกษตรกรต้นแบบเข้าร่วมประกวดครั้งนี้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ

จากนั้น องคมนตรีและคณะ เยี่ยมชมนิทรรศการผลสำเร็จจากการดำเนินงานของหน่วยงานร่วมที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้แก่ งานส่งเสริมการเกษตร งานป่าไม้ งานวิชาการเกษตร งานควบคุมปราบปรามโรคติดต่อและการสาธารณสุข งานปศุสัตว์ งานหม่อนไหม งานพัฒนาที่ดิน งานส่งเสริมอุตสาหกรรม งานประมง งานส่งเสริมและขยายผล ซึ่งมีรูปแบบการจัดกิจกรรมที่สอดคล้องตามวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ได้แก่ 1)นิทรรศการ “สืบสาน รักษา ต่อยอด เรียนรู้ สู่วิถีใหม่” นำผลสำเร็จจากการดำเนินงานของศูนย์ฯ มาจัดแสดง 2)นิทรรศการ “เปิดบ้านพ่อ เรียนรู้สู่ความพอเพียง” เป็นการจัดแสดง สาธิตเพื่อให้ผู้ชมงานได้ศึกษา เรียนรู้ แนวคิดและการพัฒนาตามแนวพระราชดำริด้านต่าง ๆ อาทิ การปลูกผัก การเลี้ยงสัตว์ การแปรรูป ฯลฯ และ 3)กิจกรรม “ฝึกอบรมอาชีพ เสริมรายได้ สู่วิถีชีวิตที่ยั่งยืน” คือการนำองค์ความรู้จากแนวพระราชดำริมาถ่ายทอดสู่เกษตรกร จัดทำเป็นหลักสูตรจำนวน 15 หลักสูตร อาทิ การทำสบู่นมแพะ การทำไบโอดีเซลอย่างง่าย การเพาะเห็ดนางฟ้า ฯลฯ นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมร้านจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรและโครงการฟาร์มตัวอย่างฯ รวมทั้งนิทรรศการงานโรคติดต่อและการสาธารณสุข พร้อมกันนี้ องคมนตรี ได้ร่วมปล่อยพันธุ์ปลานิล ปลาบ้า และปลาตะเพียน จำนวน 6,800 ตัว ณ บริเวณสวน 50 ปี ครองราชย์ อีกด้วย

ในช่วงบ่าย องคมนตรี ร่วมรับฟังบรรยายสรุปและเยี่ยมชมแปลงสาธิตการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ดินเปรี้ยวจัด การทำระบบน้ำแบบประหยัด (แอร์แว) การสาธิตการปลูกส้มโอทับทิมสยามในพื้นที่ดินเปรี้ยวจัดที่มีการขุดยกร่อง โอกาสนี้องคมนตรีร่วมเก็บผลผลิตส้มโอทับทิมสยามภายในแปลงและการตอนกิ่งส้มโอฯ

การจัดงานในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคส่วนราชการ องค์กร ส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าชม ศึกษา เรียนรู้ ตามแนวพระราชดำริ เสริมสร้างประสบการณ์และทางเลือกในการประกอบอาชีพ พร้อมทั้งนำไปประยุกต์ใช้ให้มีความเหมาะสมในการดำเนินชีวิตอันนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2524 รวมระยะเวลา 39 ปี ที่ได้น้อมนำแนวพระราชดำริการพัฒนาด้านต่าง ๆ มาดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นสถานที่ศึกษา ค้นคว้า วิจัย ทดลอง และพัฒนาดินอินทรีย์และดินที่มีปัญหาอื่น ๆ ในพื้นที่พรุ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตร รวมทั้งหาแนวทางและวิธีการพัฒนาที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมภูมิสังคมของท้องถิ่นในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งทางด้านการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ และการเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อให้เป็นต้นแบบความสำเร็จให้พื้นที่อื่น ๆ พร้อมทั้งเป็นศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จในลักษณะของ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต” นำผลสำเร็จของโครงการฯ ขยายผลและถ่ายทอดไปสู่ประชาชนในหมู่บ้านรอบศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ และประชาชนผู้สนใจทั่วไป เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาคใต้ ให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และวิถีชีวิตในท้องถิ่นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สร้างอาชีพ สร้างผลผลิต และสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้แก่ประชาชนต่อไป.