มา Checklist กันหน่อย ปวดแบบไหนเสี่ยงเป็นโรค “ข้อเข่าเสื่อม”
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความเสื่อมของร่างกายเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โรคภัยเริ่มถามหา โดยเฉพาะโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหลายคนจะเข้าใจว่า เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ แต่ความเป็นจริงแล้ว กลุ่มวัยรุ่น ก็เป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเรื่องข้อเข่าเสื่อมด้วยเช่นกัน
มีข้อมูลที่น่าสนใจจาก โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี โรงพยาบาลในเครือ “พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์” โดยเปิดเผยจาก นพ.ปิยวัฒน์ จิรัปปภา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกระดูกและข้อ ประจำโรงพยาบาล พริ้นซ์ อุบลราชธานี เกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งจากสถิติแล้วพบว่า เป็น 1 ใน 5 ปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุไทยเลยทีเดียว รู้จักโรคข้อเข่าเสื่อม
โรคข้อเข่าเสื่อม นั้น เกิดจากการที่กระดูกอ่อน ผิวข้อมีการสึกหรอ หลุดร่อน ทำให้กระดูกมีการเสียดสีกัน และร่างกายพยายามที่จะซ่อมแซมตัวเอง โดยการสร้างกระดูกขึ้นมาใหม่ แต่จะเป็นการสร้างในตำแหน่งที่ไม่ควรจะสร้าง ทำให้เกิดอาการอักเสบของข้อ ปวดเรื้อรัง บวม กดเจ็บ เคลื่อนไหวลำบาก และข้อผิดรูป
สาเหตุของข้อเข่าเสื่อม
● อายุที่มากขึ้น
● น้ำหนักตัวที่มากเกินไป
● พฤติกรรมการใช้ข้อผิดวิธี เช่น การนั่งยอง นั่งคุกเข่า นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิเป็นเวลานาน
● เคยได้รับบาดเจ็บบริเวณเข่า เช่น กระดูกหัก เข่าแตก เอ็นฉีก เป็นต้น
● โรคที่เคยเป็น เช่น โรครูมาตอยด์ โรคเก๊าท์
● การไม่ออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อรอบข้อเข่าไม่แข็งแรง
● การใช้ยา โดยมีการใช้ยาสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
Checklist อาการแบบไหนเข้าข่ายเสี่ยงเป็นข้อเข่าเสื่อม
มาสังเกตอาการเบื้องต้นกันหน่อย ว่าปวดแบบไหน ถึงจะเข้าข่ายเสี่ยงเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ส่วนใหญ่แล้ว มักจะมีอาการดังนี้
● ปวดหรือเจ็บข้อเข่าเวลาเดิน นั่ง หรือขึ้นลงบันได
● ปวดเรื้อรังหลายปี
● เข่าโตขึ้น ข้อเข่าบวม
● ขาโก่ง
Checklist ใครเสี่ยงเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมบ้าง
สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโรคข้อเข่าเสื่อม มีหลายกลุ่ม
● น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน
● ผู้ที่ปวดเข่าเรื้อรังหลายปี
● อายุมากกว่า 40 ปี
● เคยป่วยด้วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคพุ่มพวง (SLE) โรคเก๊าท์
● เคยเกิดอุบัติเหตุทำให้มีกระดูกหักบริเวณข้อเข่า
แนวทางการรักษา
แนวทางการรักษา จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
1.การรักษาแบบไม่ผ่าตัด เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดและช่วยให้เข่าเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น โดยมีหลากหลายวิธี ดังนี้
• ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ได้แก่ รับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อควบคุมน้ำหนักตัว
• ออกกำลังกายชนิดส่งแรงกระแทกข้อเข่าน้อยเป็นประจำ เช่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เดิน เพื่อส่งเสริมให้ข้อเข่าแข็งแรงขึ้น
• ลดน้ำหนักหากมีน้ำหนักตัวมากเกินไป เพื่อลดแรงกดบนข้อเข่า
• รักษาด้วยยาแก้ปวด ยาลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ และยากลุ่มสารอาหารเสริมสร้างกระดูก
• ฉีดสารน้ำเลี้ยงไขข้อ ในกรณีที่มีอาการปวดไม่มาก และการทำลายของกระดูกอ่อนยังไม่รุนแรง
• ฉีดยาสเตียรอยด์ ในกรณีที่มีอาการปวดเฉียบพลันที่รุนแรงและเป็นครั้งคราว
• ทำกายภาพบำบัด เช่น บริหารกล้ามเนื้อรอบเข่า
2. การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
• ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม จำเป็นในกรณี รักษาด้วยยาและปรับวิธีดำเนินชีวิตแล้วไม่ได้ผล
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพอื่น ๆ สามารถขอคำปรึกษาจาก ทีมแพทย์โรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด ได้ทั้ง 10 แห่ง ใน 9 จังหวัด จังหวัด ได้แก่ โรงพยาบาล พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 1 และโรงพยาบาล พริ้นซ์ ปากน้ำโพ 2 จังหวัดนครสวรรค์ โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี โรงพยาบาลพิษณุเวช จังหวัดพิษณุโลก โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ โรงพยาบาลพิษณุเวช พิจิตร จังหวัดพิจิตร โรงพยาบาล ศิริเวชลำพูน จังหวัดลำพูน และโรงพยาบาลวิรัชศิลป์ จังหวัดชุมพร และ โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี และสามารถติดตามสาระดี ๆ เกี่ยวกับการแพทย์ได้ที่ เฟซบุ๊ก : Principal Healthcare Company