-COVID19eastern-newsLocal-news

กรมควบคุมโรค เตรียมความพร้อมรับมือ-ค้นหาเชิงรุกผู้ติดเชื้อโควิด-19 สระแก้ว

สระแก้ว (22 สิงหาคม 2563) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ของจังหวัดสระแก้ว ที่ผ่านมามีการเก็บตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาเชื้อ จำนวน 4,118 ราย พบผู้ป่วยยืนยันจำนวน 10 ราย และไม่มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 รวมเป็นระยะเวลากว่า 140 วัน อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเฝ้าระวังเชิงรุกตามตะเข็บชายแดนและเตรียมความพร้อมในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคระลอกที่ 2 ที่อาจเกิดขึ้น จังหวัดสระแก้ว จึงร่วมกับกรมควบคุมโรค โดยสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดชลบุรี (สคร.6 ชลบุรี) จัดทำโครงการตรวจหาโรคติดเชื้อโดยรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย พระราชทาน

กิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1.เฝ้าระวัง คัดกรอง และตรวจหาเชื้อโควิด 19 เชิงรุก 2.ฝึกซ้อมบุคลากรสาธารณสุขให้มีความรู้และทักษะในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน และ 3.เตรียมความพร้อมจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือ กรณีเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่อื่นๆ ทั้งนี้ ได้เริ่มดำเนินการในวันที่ 19 สิงหาคม 2563 ณ บริเวณตลาดโรงเกลือ และลานสยามมินทร์ อำเภออรัญประเทศ และวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ณ เรือนจำจังหวัดสระแก้ว และที่ว่าการอำเภอเมืองสระแก้ว โดยกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว แรงงานต่างด้าว และผู้ต้องขังแรกรับ

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับรายงานการตรวจหาเชื้อโควิด 19 โดยรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย พระราชทาน สรุปโดยรวม ดังนี้ ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2563 จำนวนผู้รับบริการ 2,471 ราย ประกอบด้วย แรงงานชาวกัมพูชาที่ทำงานในไทย จำนวน 1,727 ราย และชาวไทย จำนวน 744 ราย โดยผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิด 19 แต่อย่างใด


นอกจากนี้ ยังได้ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการวิธีการเก็บตัวทางโพรงจมูกและปาก (Nasopharyngeal Swab)และร่วมเป็นจิตอาสาเก็บตัวอย่าง “โครงการค้นหาผู้ป่วยโควิด 19 เชิงรุก” ให้กับเจ้าหน้าที่ รวมจำนวน 35 คน จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ในอำเภออรัญประเทศ อำเภอโคกสูง และอำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับบุคลากรและเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคระลอกที่ 2 ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422