-environmentLocal-newssouthern-news

เจ้าหน้าที่อช.หาดนพรัตน์ฯ ดำเนินคดีเรือท่องเที่ยวทิ้งสมอทับแนวปะการังเสียหาย

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563 เวลา 10:00 น.​ คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา- หมู่เกาะพีพีได้ร่วมกันตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ ในพื้นที่รับผิดชอบ กรณีมีการร้องเรียนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Facebook) Thon Thamrongnawasawat ว่า “ทีมงานอนุรักษ์ปะการังที่เกาะพีพีแจ้งมา ว่ามีเรือทิ้งสมอทำให้ปะการังที่ปลูกไว้เป็นสิบ ๆ ปีแตกหักเสียหาย เรือยังฝ่าทุ่นกั้นแนวเขตห้ามเข้าที่หน้าหาดด้วยครับ ฯลฯ” เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 เหตุเกิดบริเวณท้องที่บ้านเกาะพีพีดอน หมู่ที่ 7 ตำบลอ่าวนาง

จากการตรวจสอบตามภาพและคลิปวีดีโอตรวจสอบภาพถ่ายที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ Facebook Thon Thamrongnawasawat พบว่าเป็นเรือบรรทุกโดยสารเรือเร็วชื่อเรือ “อ๊อฟสเปรย์ ” (offspray) ทะเบียนเลขที่ 475102732 เรือลำดังกล่าว เป็นของบริษัท อ๊อฟสเปเซอร์ จำกัด (โดยนางพรไทย​ กรรมการบริษัท) ได้ขออนุญาตเข้าไปดำเนินกิจการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ ตามใบอนุญาตเล่มที่ 293 ฉบับที่ 098 มีกำหนดตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2563 ถึงวันที่ 24 พฤษภาคม ซึ่งมีนายพิชิตชัย อายุ 43 ปี​ เป็นกัปตันเรือ และนายพีรพัฒน์​ เป็นไกด์นำเที่ยวประจำเรือ และนายเสก (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) เป็นคนเรือ

โดยผู้ต้องหาให้การว่า ในวันที่เกิดเหตุผู้ต้องหาได้นำเรือลำดังกล่าว พร้อมนักท่องเที่ยวเข้าไปจอดทิ้งสมอบนแนวปะการัง แล้วนำเรือเข้าไปในกรอบทุ่นไข่ปลาบริเวณแหลมจ้อง เกาะพีพีเล ตามภาพที่ปรากฏในภาพและคลิปวิดีโอดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่อุทยาน ฯ จึงได้รวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งการกระทำผิดกฏหมายเกี่ยวกับป่าไม้ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (2) ฐานกระทำด้วยประการใด ๆให้เป็นอันตรายหรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (6) ฐานเข้าไปดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อหาประโยชน์ มาตรา 20 ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงาน เจ้าหน้าที่ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และมาตรา 12 ฐานห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง สำหรับค่าเสียหายของรัฐเกิดจากการทำลายพื้นที่แนวปะการังอยู่ในระหว่างรอการตรวจสอบ เพื่อคำนวณประมาณการตามหลักตามวิชาการต่อไป
ที่มา:กรมอุทยานแห่งชาติฯ